ย้อนเส้นทาง “บิ๊กโจ๊ก” รอคำตัดสินศาลปกครองสูงสุด ลุ้นโอกาสหวนคืน สตช.?

ย้อนไทม์ไลน์ชี้ชะตา “บิ๊กโจ๊ก” ศาลปกครองสูงสุดยังไม่เผยผลการประชุม ให้รอเจ้าของสำนวนขึ้นบัลลังก์อ่านคำพิพากษาอย่างเป็นทางการ ลุ้นโอกาสหวนคืน สตช.

วันนี้หลังมีประชุมใหญ่ตุลาการศาลปกครองสูงสุด ถึงคดีที่ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยื่นฟ้องผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ, คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ (ก.พ.ค.ตร.), นายกรัฐมนตรี ต่อศาลปกครองสูงสุด เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2567 ว่า ร่วมกันให้ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ ออกจากราชการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เข้าสู่การพิจารณา โดยมีตุลาการศาลปกครองสูงสุดเข้าร่วมพิจารณาอย่างพร้อมเพรียง

ภายหลังการประชุมใหญ่ตุลาการศาลปกครองสูงสุดนั้น ตุลาการศาลปกครองสูงสุดที่เข้าร่วมการประชุมส่วนใหญ่ต่างปฏิเสธที่จะเปิดเผยผลการประชุม โดยให้เหตุผลว่าผลการประชุมเป็นความลับ ไม่สามารถเปิดเผยต่อสาธารณะได้ ต้องรอให้องค์คณะตุลาการศาลปกครองสูงสุดเจ้าของสำนวน ดำเนินการออกเป็นคำสั่งหรือคำพิพากษาต่อคู่กรณีที่เกี่ยวข้องในคดีดังกล่าวเท่านั้น

มหากาพย์สีกากีนี้ต้องย้อนกลับไปในรุ่งเช้าของวันที่ 25 กันยายน 2566 ตำรวจชุดปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (PCT5) นำหมายค้นและหมายจับขอเข้าตรวจค้นบ้านพักของ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล หรือ บิ๊กโจ๊ก รอง ผบ.ตร. (ในขณะนั้น) หลังถูกตั้งข้อสงสัยเอี่ยวเว็บพนันออนไลน์

จากปมดังกล่าว เป็นผลให้ที่ประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เมื่อ 4 มีนาคม 2567 มีมติ 4 ต่อ 1 รับสำนวนคดีที่บิ๊กโจ๊กและพวกรวม 5 คน ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนพัวพันกับคดีพนันออนไลน์มินนี่ ไว้ดำเนินการไต่สวนตามขั้นตอนกฎหมาย

เรื่องเว็บพนันกลายเป็นปมร้อนกว่า 5 เดือน จนกระทั่งเวลาประมาณ 11.06 น. ของวันที่ 20 มีนาคม 2567 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง (ในขณะนั้น) ได้เรียกให้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล หรือ บิ๊กต่อ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ในขณะนั้น) และ บิ๊กโจ๊ก เข้าพบที่ตึกไทยคู่ฟ้า เพื่อเคลียร์ใจปัญหาความขัดแย้งทั้ง 2 ฝ่าย

หลังจากนั้นทั้งคู่ได้ออกมาแถลงต่อสื่ออย่างชื่นมื่น “คนที่จะเติบโตมาระดับนี้ หรือคนที่จะมาเป็น ผบ.ตร. คุณธรรมต้องมานำ ถ้าไม่มีคุณธรรม ฟ้าดินไม่ให้มาเป็นหรอก ถ้าไม่เชื่อผู้บังคับ”คนที่จะเติบโตมาระดับนี้ หรือคนที่จะมาเป็น ผบ.ตร. คุณธรรมต้องมานำ ถ้าไม่มีคุณธรรม ฟ้าดินไม่ให้มาเป็นหรอก ถ้าไม่เชื่อผู้บังคับบัญชา องค์กรจะอยู่อย่างไร ศักดิ์ศรีลูกผู้ชาย ต้องเชื่อใจกัน” บิ๊กต่อกล่าว

ด้านบิ๊กโจ๊กยืนยันว่าจะไม่มีการเอาคืน ทุกคนทำตามหน้าที่ ต้องเสียสละเรื่องราวในอดีตและเดินหน้าทำงาน… หลังจากทั้งคู่เคลียร์ใจและแถลงจบ ต่างโผกอดและยกมือไหว้ขอโทษกัน พร้อมจบด้วยการกอดเอวกัน เรียกว่าจบทุกดราม่า!

แต่วันเดียวกันนั้นเอง อดีตนายกฯ เศรษฐา ลงนามคำสั่งแบบฟ้าผ่าเปรี้ยง! ให้ บิ๊กโจ๊ก และ บิ๊กต่อ ให้ไปช่วยปฏิบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมแต่งตั้งให้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ หรือ บิ๊กต่าย รอง ผบ.ตร. (ในขณะนั้น) รักษาการแทน ผบ.ตร.

18 เมษายน 2567 บิ๊กต่ายในฐานะรักษาราชการแทน ผบ.ตร. ได้ลงนามคำสั่งทางปกครองให้บิ๊กโจ๊กออกจากราชการไว้ก่อน หลังจากที่ถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง อีกทั้งศาลอนุมัติหมายจับคดีฟอกเงินเว็บพนันออนไลน์ โดยให้คำสั่งนั้นมีผลทันที พร้อมระบุว่า บิ๊กโจ๊กยังมีสิทธิ์ยื่นอุทธรณ์ตามขั้นตอน

มีหรือจะยอมแพ้! บิ๊กโจ๊กเข้ายื่นอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ (ก.พ.ค.ตร.) และคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ด้วยเห็นว่าการลงนามของบิ๊กต่าย เป็นการออกคำสั่งโดยมิชอบด้วยกฎหมาย

เวลาประมาณ 16.30 น. ของวันที่ 26 มิถุนายน 2567 ที่ประชุม ก.ตร. มีการพิจารณาวาระเรื่องการขอให้พิจารณาการปฏิบัติการเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งนั่นก็คือวาระที่เกี่ยวข้องกับ บิ๊กโจ๊ก ในที่สุดที่ประชุมก็มีมติเป็นเอกฉันท์ 12 ต่อ 0 เสียง ชี้ว่าคำสั่งของบิ๊กต่ายที่ให้บิ๊กโจ๊กออกจากราชการไว้ก่อนนั้นชอบด้วยกฎหมาย

เรื่องราวโดยย่อที่กล่าวมาทั้งหมดนั้น นำไปสู่เหตุการณ์ในวันที่ 15 สิงหาคม 2567 มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ (บิ๊กโจ๊ก) พ้นจากตำแหน่ง รอง ผบ.ตร. ตั้งแต่วันที่ 18 เมษายน 2567

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *